5 ปัญหา โรคพืชที่มากับหน้าฝน
เมื่อนึกถึงหน้าฝนสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวก็ผุดขึ้นมาในหัว ความชุ่มฉ่ำเข้ามาถึงและคลายความร้อนตลอดปีของประเทศไทย เชื่อว่าชาวสวนหลายๆคนก็คงจะยินดีเมื่อมีน้ำให้ใช้ ไม่ต้องกังวลเรื่องภัยแล้งกับต้นไม้ใบหญ้า แต่สำหรับชาวสวนบางกลุ่มไม่มากก็น้อยที่อาจจะไม่ยินดีนักเมื่อหน้าฝนมาเยือน เพราะนอกจากจะนำความชุ่มชื้นมาให้แล้ว สายฝนยังนำพาโรคต่างๆมาให้ได้ได้เครียดแทน หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าพืชสามารถเกิดโรคได้เมื่อได้รับฝนในปริมาณมาก วันนี้เราจะมาแนะนำโรคของพืชที่มาพร้อมกับหน้าฝน พร้อมทั้งแนะนำวิธีป้องกันไม่ให้พืชในสวนของคุณติดโรค
สาเหตุหลักที่ทำให้พืชเกิดโรคนั้นมีปัจจัยหลักอยู่ 2 อย่าง
สภาพอากาศ เนื่องจากการปลูกพืชนั้นจำเป็นจะต้องอาศัยสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นความชื้นของอากาศและดิน ไปจนถึงความเป็นกรดหรือด่างของดินด้วย
เชื้อจุลินทรีย์ ที่ปะปนมากับดินเนื่องจากสภาพอากาศที่เกิดการเปลี่ยนแปลง
มาดูกันว่า 5 ปัญหาโรคพืชที่เกิดในหน้าฝนมีอะไรกันบ้าง

โรคเหี่ยว ( wilt )
สาเหตุ : เกิดจากเชื้อรา Fusarium oxysporum มักจะมากับอุณหภูมิของอาการที่ค่อนข้างสูง แต่กินกลับมีความชื้นอยู่มาก อย่างเช่น เกิดการฝนตกอย่างหนัก แต่ระยะเวลาต่อมากลับมีแดดออก หรือถ้าให้ยกตัวอย่างง่ายๆก็เหมือนกับเรารถน้ำต้นไม้ตอนเที่ยงวัน เป็นต้น ด้วยสภาพแวดล้อมแบบนี้จึงทำให้โรคนี้เกิดการระบาดได้อย่างดี
อาการ : หากสังเกตด้วยตาเปล่าเราจะเห็นว่าใบในส่วนตรงโคนจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง จนร่วงลงมา ต่อมาก็ค่อยๆลามขึ้นไปเรื่อยๆ จนทั่วทั้งต้น
การป้องกัน : ควรปรับสภาพดินก่อนที่จะนำต้นไม้ลงไปปลูก ซึ่งสามารถทำได้โดยการใช้ปูนขาวหรือปุ๋ยคอกช่วย แต่ถ้าหากพบต้นที่เกิดโรคแล้วควรที่จะถอนออกตากแปลงและเผาทำลายไป

โรคใบจุด ( Alternaria leaf spot )
สาเหตุ : เกิดจากเชื้อรา Alternaria brassicae มักจะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง หรือในที่ที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น โรคนี้จะมีการแพร่ระบาดโดยสปอร์ของเชื้อสามารถที่จะลอยไปตามลม น้ำ หรือติดไปกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน
อาการ : จะเกิดการเสียที่ใบของพืชเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเกิดได้ทั้งต้นกล้า ไปจนโตเต็มวัย และสามารถเกิดกับพืชขนาดเล็กได้เช่นกัน โดยจะเกิดจุดวงกลมสีเหลือง ตัวแผลจะกลายเป็นเยื่อบางๆในต้นกล้า แต่ถ้าเป็นโตเต็มวัยที่แผลของใบจะมีจุดสีดำ ลักษณะเป็นผง สำหรับพืชขนาดเล็กอาจจะทำลายเนื้อเยื่อของตัวพืชให้เกิดการยุบตัวลงไป
การป้องกัน : การแช่เมล็ดพันธ์พืชในน้ำอุ่น 50 องศาเซลเซียส สัก 30 นาทีและผสมกับการป้องกันกำจัดเชื้อราก่อนนำไปเพาะ และในทุกๆ 7 วันควรฉีดสารป้องกันเชื้อราเพื่อการอยู่รอดของพืช แต่ถ้าหากพืชเกิดการติดเชื้อภายหลังการเพาะเมล็ดพันธ์แล้วให้ทำการถอนทิ้งและนำไปเผาเพื่อทำลายเชื้อไม่ให้ระบาดต่อไป

โรคราสนิมขาวในผัก (White Rust)
เชื้อสาเหตุ : เกิดจากเชื้อรา Albugo ipomoea-aquaticae Sawada โรคนี้มักจะเกิดขึ้นเมื่ออากาศมีอุณหภูมิลดในช่วง 4-24 องศา เชื้อราชนิดนี้มักจะเกิดขึ้นบนใบพืชที่เปียก มักจะระบาดในช่วงปลายฝน ต้นหนาวและจะเริ่มลดน้อยลงเมื่อมีอุณหภูมิสูงขึ้น
อาการ : เริ่มจากตัวใบจะมีจุดเหลืองและสามารถเจริญเติบโตได้ถึง 5 มม. เริ่มจากใบลงไปที่โคน สามารถเกิดได้ทั่วทั้งต้นพืช มีลักษณะนูนเด่นออกมา ภายใน 1 ใบ สามารถมีได้หลายจุด เมื่อติดเชื้อไปนานเข้าตัวใบจะมีสีเหลือง และลามไปทั่ว ในส่วนของดอกจะมีอาการไหม้และแห้งจากส่วนของกลีบดอกเข้าไปเรื่อย
การป้องกัน : เนื่องจากโรคนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว จึงทำให้เกิดการระบาดมากในภาคเหนือ โดยสามารถป้องกันได้จากการรดน้ำไม่ให้โดยส่วนของใบ เนื่องจากส่วนของใบจะเป็นส่วนที่สามารถติดเชื้อได้ง่ายที่สุดถ้าหากเปียกน้ำ โรงเรือนควรมีหลังคามิดชิดและควรระบายอากาศเพื่อไม่ให้น้ำค้างเกาะใบในช่วงกลางคืน
การแก้ไข : ถ้าหากต้นพืชได้ติดเชื้อไปแล้วควรฉีดพ่นสารเคมีป้องกันและกำจัด และไม่ควรใช้ซ้ำกันเกิน 3 ครั้ง เพราะอาจจะทำให้โรคดื้อยา โดยต้องฉีดพ่นทุก 5-7 วัน และควรเปลี่ยนกลุ่มของสารที่ใช้เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูง

โรคเน่าคอดิน ( Damping off )
สาเหตุ : เกิดจากเชื้อรา Pythium sp. หรือ Phytopgthora sp. โรคเน่าคอดิน หรือที่บางคนมักจะเรียกว่า โรคกล้าไห้แห้ง และมักจะเกิดในระยะของการเพาะต้นกล้าทุกชนิด โรคนี้มักจะเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีความชื้นสูง ไม่ว่าจะเป็นการรดน้ำเยอะเกินไป การเพาะกล้าแน่นเกินไปจนดินที่ใช้เพาะระบายน้ำได้ไม่ทัน หรืออาจจะมากับฤดูฝนในช่วงที่ฝนตกชุก นอกจากต้นกล้าจะเพาะดีแล้วตัวเชื้อราเองก็เจริญโตได้อย่างดีอีกด้วย
อาการ : อาการของโรคนี้มี 2 ระยะด้วยกัน คือ ระยะที่ยังเป็นเมล็ด ซึ่งจะเกิดการติดเชื้อก่อนที่เมล็ดจะงอกต้นกล้า ทำให้เมล็ดพันธ์เพาะไม่ขึ้น เกิดการเน่าของเมล็ดตั้งแต่ในดิน ระยะที่สองคือต้นกล้า ระยะนี้ให้สังเกตรอบๆโคนของต้นกล้าจะมีรอยช้ำและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และหักลงในที่สุด ส่วนมากในแปลงจะเกิดการติดเชื้อเป็นหย่อม และมักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
การป้องกัน : แปรงที่ใช้ในการเพาะควรมีการระบายน้ำที่ดี ป้องกันน้ำขังในแปลงและเพื่อไม่ให้ดินมีความชื้นสูงจนเกินไป ควรปรับสภาพของดินด้วยปูนขาวหรือปุ๋ยอินทรีย์ สำหรับการหว่านเมล็ดไม่ควรทำจนแน่นเกินไป และที่สำคัญควรควบคุมการรดน้ำด้วย ระวังอย่าใส่ปุ๋ยไนโตรเจนมากจนเกินไป
การแก้ไข : เมื่อพบต้นที่ได้รับการติดเชื้อควรรีบถอนออกจากแปลง จะเผาทำลายหรือจะฝังลงในดินก็ตามสะดวก

โรคราน้ำค้าง (Downy mildew)
สาเหตุ : เกิดจากเชื้อรา Peronospora parasitica โรคราน้ำค้างสามารถเกิดได้ทุกพื้นที่และทุกพันธุ์ และถือว่าเป็นโรคที่ให้ผลเสียหายอย่างมากกับพืช ซึ่งสามารถพบได้ในทุกช่วงของการปลูกพืชตั้งแต่ระยะของกล้าไปจนถึงระยะโตเต็มวัย มักจะพบในสถานที่ที่มีความชื้นสูง เนื่องจากหมอกหนาหรือฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน และแพร่ระบาดได้ด้วยการติดไปกับเมล็ดของพันธ์พืช
อาการ : จะมีจุดกลุ่มสีขึ้นอยู่ตามใบของพืช รวมกันเป็นกลุ่มซึ่งสีของเชื้อราจะแตกต่างกันไปตามชนิดของพืชที่ได้รับการติดเชื้อ จะมีการติดเชื้อลามขึ้นไปเรื่อยๆจนกว่าจะเหลืองและหลุดร่วงในที่สุด
การป้องกัน : สามารถฉีดสารชีวภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการป้องกันเชื้อรา อย่าลืมทำลายวัชพืชที่เกิดขึ้นในแปลงให้หมด